ทำการเกษตรแบบปลอดสารพิษสามารถเพิ่มมูลค่าของผลผลิตได้

24 เม.ย.


ในยุคปัจจุบันยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจพิถีพิถันในเรื่องของอาหารการกินกันมากขึ้น เริ่มรู้ว่าอาหารที่รับประทานเข้าไปในแต่ละมื้อแต่ละวันมีผลกระทบอย่างมากต่อร่างกาย ถ้ารับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ อาจทำให้มีโอกาสที่จะเจ็บป่วยเป็นโรคต่างๆได้ เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ความดัน แต่โรคที่ผู้คนกลัวมากที่สุดเลยคือโรคมะเร็ง ที่ในปัจจุบันมีอัตราคนป่วยเป็นโรคมะเร็งสูงขึ้นทุกปี ซึ่งสาเหตุของโรคอย่างหนึ่งก็คือเรื่องอาหารที่รับทานเข้าไปในแต่ละมื้อหรือสารพิษที่ตกค้างและสะสมในร่างเนื่องจากรับประทานอาหารที่มีสารพิษเป็นประจำ ทำให้ผู้คนในปัจจุบันตื่นตัวหันมาใส่ใจเรื่องการเลือกรับประทานอาหารที่ปลอดภัยไร้สารพิษ

ทำให้สินค้านำมาบริโภคที่เป็นแนวปลอดสารพิษได้รับความสนใจมากขึ้นกว่าแต่ก่อนที่มองว่าเป็นสิ้นค้าที่ไม่จำเป็นราคาแพง เป็นการใช้จ่ายโดยสิ้นเปลืองทั้งที่ในตลาดก็มีเหมือนๆกันสินค้าเกษตรที่กล่าวมา เช่น ผักผลไม้ปลอดสารพิษ ข้าวกล้องหรือข้าวอินทรีย์ปลอดสารพิษ เห็ดปลอดสารพิษ เป็นต้น และเป็นที่ทราบกันดีว่าราคาสินค้าเกษตรที่ปลอดสารพิษราคาจะสูงกว่าราคาสินค้าเกษตรปกติทั่วไปเป็น 1-2 เท่าตัวและในปัจจุบันสินค้าเกษตรแบบปลอดสารพิษยังไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้คนอีกด้วย ทำให้ผู้เขียนมองเห็นช่องการของการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรในประเทศไทยเรา โดยการหันมาทำการเกษตรแบบปลอดสารพิษเพื่อจำหน่าย ตัวอย่างของการทำเกษตรปลอดสารพิษแล้วเพิ่มมูลค่าได้ก็มี เช่นการทำข้าวอินทรีย์ปลอดสารพิษแล้วนำข้าวมาสีเป็นข้าวกล้องหรือข้าวสารขายเอง ราคาตกอยู่ที่ กิโลกรัมละ 40-50 บาท คือคิดง่ายๆว่าทำข้าวอินทรีย์ปลอดสารพิษขายได้ เกวียนละหรือตันละ 4- 5 หมื่นบาท จะได้มากกว่าที่ทำข้าวเปลือกปกติที่ขายได้สูงสุดไม่เกินเกวียนละ 13,000 บาท(ราคาจำนำกับรัฐบาล) หรือราคาของผักผลไม้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผักผลไม้ที่ปลอดสารพิษ ยิ่งถ้าซื้อในห้างสรรพสินค้าหรือร้านสะดวกซื้อแล้วละก็ราคาจะเพิ่มขึ้นมาจากราคาผักที่ตลาดโดยสิ้นเชิง แต่เกษตรกรมองว่าการทำเกษตรแบบปลอดสารพิษทำได้ยาก หรือทำไม่ได้หรอก ขนาดสารเคมียาฆ่าแมลงยังป้องกันกำจัดโรคแมลงไม่ค่อยจะอยู่เลย แล้วถ้าไม่ใช่สารเคมีละจะขนาดไหน แต่อย่าลืมซิครับว่าสมัยก่อนที่เมืองไทยเรายังไม่มีสารเคมีหรือยาฆ่าแมลงทำไมคนในสมัยก่อนเขายังทำ นา ทำสวน ทำไร่ ปลูกผักผลไม้โดยไม่เห็นต้องใช้สารเคมีเลย แต่เกษตรกรในสมัยนี้ใช้สารเคมี จนชินซะแล้ว มิหนำซ้ำภาครัฐหรือหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบภาคเกษตรโดยตรง กลับแนะนำให้เกษตรกรแก้ปัญหาโดยการใช้สารเคมี สังเกตุได้จากเว็บไซต์ต่างๆของหน่อยงานภาคเกษตรของรัฐจะแนะนำวิธีป้องกันกำจัดโรคและแมลงโดยการใช้สารเคมีซื่อสามัญนั้น ถ้าไม่ได้ผลก็ลองเปลี่ยนมาใช้ยาตัวใหม่ ทำไมไม่แนะนำให้ใช้วิธีแบบที่มันปลอดภัยกับเกษตรกรเองบ้างเช่นการใช้สมุนไพรที่มีอยู่ตามหัวไร่ปลายนามาใช้บ้าง

วัตถุประสงค์หลักของบทความเรื่องนี้ของผู้เขียนก็คืออยากให้เกษตรกรไทยหันมาทำเกษตรแบบปลอดสารพิษกันเพื่อจะได้เพิ่มผลผลิตของตัวสินค้าให้เพิ่มมากขึ้นครับ ยังไงท่านเกษตรกรทั้งหลายก็ลองนำแนวคิดของผู้เขียนกลับไปคิดดูแล้วกันว่าที่ผู้เขียนได้เขียนมามันถูกต้องแค่ไหน

เขียนและรายงานโดย : คุณจตุโชค จันทรภูมี (นักวิชาการชมรมฯ)

ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ http://www.thaigreenagro.com

วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555 เสนอแนะติชมได้ที่ email : thaigreenagro@gmail.co

ใส่ความเห็น